ปรับโครงสร้างศก.ไทยครั้งใหญ่ ทักษิณ ยึดโมเดล Thailand Competitiveness Matrix
โดย business thai [11-2-2005]

เปิดนโยบายไทยรักไทย บริหาร 4 ปีสร้าง มุ่งธุรกิจไทยแข่งขันตลาดระดับโลก ใช้แนวคิดปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ผสานทีมกุนซือทั้งในและนอกพรรคไทยรักไทย ยึดกรอบแบบสภาพัฒน์ จัดกรอบธุรกิจหลัก 4 กลุ่ม จากดีสุดถึงแย่สุด มุ่งผลักดันธุรกิจดาวรุ่ง บริการด้านสุขภาพ อุตสาหกรรมยานยนต์ โรงกลั่น ปิโตรเคมี ธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์ ไม้แปรรูป ขนส่ง ท่องเที่ยว ให้แจ้งเกิดในตลาดระดับอินเตอร์ ลบจุดอ่อนแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือนก่อนลุกลาม
ผู้ร่วมวางแนวคิดการผลักดันนโยบายการสร้างความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทยในระดับโลกมีทั้ง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ นายพันศักดิ์ วิญญรัตน์ ประธานที่ปรึกษานโยบายเศรษฐกิจนายกรัฐมนตรี ดร.โอฬาร ไชยประวัติ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ดร.ทนง พิทยะ ประธานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ดร.ชัยวัฒน์ วิบูลสวัสดิ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสมพล เกียรติไพบูลย์ อดีตปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายสมใจนึก เฮงตระกูล อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ดร.อำพล กิตติอำพล เลขาธิการสภาพัฒน์ กับคีย์แมนคนสำคัญในรัฐบาล มีการประชุมหลายครั้ง เพื่อการเตรียมปรับโครงสร้างเศรษฐกิจครั้งใหญ่ โดยใช้โมเดลการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจของสภาพัฒน์กับการสนับสนุนของภาคธุรกิจเอกชนและนักวิชาการ รอเพียงแต่การเลือกธุรกิจส่งเสริมว่าต้องมีความเป็นธรรมและไม่เอื้อธุรกิจในกลุ่มพรรคพวก
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่าได้เตรียมยุทธศาสตร์เสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาไว้แล้ว จะเน้นดูแลและให้ความสำคัญในด้านการกำกับดูแลทางด้านสิ่งแวดล้อม ดูแลทั้งเรื่องกากอุตสาหกรรม มลภาวะด้านต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภาคอุตสาหกรรมให้น้อยลง สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าในประเทศให้มากขึ้น ส่งเสริมการลงทุนทั้งต้นน้ำและปลายน้ำ ส่งเสริมการตั้ง Trading Firm เพื่อขยายตลาดต่างประเทศ ปรับโครงสร้างการใช้วัตถุดิบให้สอดคล้องกับการผลิต ผลักดันให้ใช้วัตถุดิบในประเทศมากขึ้น
4 ปีจากนี้ไปต่อไป อุตสาหกรรมเด่นที่ได้รับการส่งเสริมมากมี 4 กลุ่ม ประกอบด้วย 1.อุตสาหกรรมการแปรรูปสินค้าเกษตรรัฐบาลจะส่งเสริมให้มีการแปรรูปสินค้าการเกษตรส่งออกมากขึ้น อาทิ การผลิตยางรถยนต์จากยางพาราในประเทศ การผลิตแป้งจากมันสำปะหลัง เพราะตลาดต่างประเทศมีความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะตลาดจีน รัฐบาลจะช่วยเหลือด้านจัดหาตลาดให้ 2. อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม เนื่องจากในปี 2548 ระบบโควตาจะหมดไปทำให้สามารถส่งออกได้สูงขึ้น 3. อุตสาหกรรมเครื่องปรับอากาศ 4. อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนและอะไหล่ ที่เป็นซัพพลาย เชนให้กับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
โครงสร้างเศรษฐกิจไทยใหม่
โครงสร้างเศรษฐกิจ ที่ใช้อ้างอิงในการหารือร่วมของคณะทำงานนโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล เป็นโมเดลการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และสังคมในระยะ 4 ปีข้างหน้า (2548-2551) ที่สภาพัฒน์ได้จัดทำขึ้นล่าสุด ปี 2551 สภาพัฒน์ฯตั้งเป้าโครงสร้างเศรษฐกิจไทยไว้ สาขาการเกษตร จะมีมูลค่าเพิ่มเป็น 9 แสนล้านบาท ร้อยละ 9.9 ของจีดีพีมีอัตราการเติบโตร้อยละ 9 สาขาอุตสาหกรรม มีมูลค่า 3.3 ล้านล้านบาท ร้อยละ 37.8 ของจีดีพี มีอัตราการเติบโตร้อยละ 6.0 สาขาบริการมีมูลค่า 5.3 ล้านล้านบาทต่อปี ร้อยละ 52.3 ของจีดีพี อัตราการเติบโตร้อยละ 7.4 เมื่อรวมขนาดของจีดีพีปี 2551 จะอยู่ที่ประมาณ 9.5 ล้านล้านบาท อัตราการเติบโตร้อยละ 7.0
รายธุรกิจที่มีอนาคต
การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ที่จะเกิดขึ้นใน 4 ปีข้างหน้าของสภาพัฒน์ ที่รัฐบาลชุดใหม่เตรียมผลักดันยังได้แบ่งประเภทธุรกิจ เป็นดาวรุ่ง ดาวร่วง และธุรกิจที่มีโอกาสในการแข่งขัน ภายใต้ยุทธศาสตร์ Thailand Competitive Matrix (TCM)
ธุรกิจที่เป็นคลื่นลูกใหม่
ประกอบด้วย บริการด้านสุขภาพ อุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมโรงกลั่นปิโตรเคมี
ธุรกิจที่มีโอกาส คือ ผลิตภัณฑ์เคมีคอล ธุรกิจวิทยุและโทรทัศน์
ผลิตภัณฑ์ไม้แปรรูปและอุตสาหกรรมอื่น
ธุรกิจดาวรุ่ง
คือ ธุรกิจการขนส่ง ธุรกิจด้านการท่องเที่ยว
ธุรกิจดาวร่วง คือ ข้าว และธัญพืช
ผลิตภัณฑ์ยางพารา แปรรูปผลไม้และผัก น้ำตาล การก่อสร้าง
ธุรกิจที่สงสัยในเรื่องการแข่งขันว่าสู้ได้หรือไม่
คือ ผลิตภัณฑ์โคนม ผลิตภัณฑ์สิ่งทอ การสื่อสาร ผลิตภัณฑ์อาหารกระป๋อง
และการขนส่งอื่นๆ
ธุรกิจที่น่าเป็นห่วงคือ อุตสาหกรรมโรงงานเครื่องจักรกล เครื่องจักรผลิตชิ้น
กลุ่มที่มีอนาคตสดใส
มีศักยภาพในการสร้างรายได้ ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว และเคมีภัณฑ์
กลุ่มที่ต้องพัฒนา
ได้แก่ บริการดูแลสุขภาพ
กลุ่มที่ต้องปรับตัวให้อยู่รอด
หรือปรับเปลี่ยนการผลิตได้แก่ ผัก และผลไม้ ยางดิบ เครื่องจักรอุตสาหกรรม
ตัวอย่างของมาตรการที่จะนำมาส่งเสริมบริการด้านการท่องเที่ยว
กลุ่มที่มีอนาคต
เป็นการเร่งขยายเครือข่ายการบิน เชื่อมโยงเครือข่ายท่องเที่ยว ทางวัฒนธรรมกับประเทศเพื่อนบ้าน
จัดระบบรับรองมาตรฐานโรงแรม สปา นวดแผนโบราณ พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่และจัดระบบรักษาแหล่งท่องเที่ยวไม่ให้เสื่อมโทรม
เป็นต้น
การแบ่งกลุ่มธุรกิจออกมาชัดเจนเพื่อให้การส่งเสริม
โดยหวังจะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันแก่เศรษฐกิจของประเทศ นายอำพล
กิตติอำพล เลขาธิการ สภาพัฒน์ฯ กล่าวว่า กรอบการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจปี 2548- 2551 เป็นกรอบที่สภาพัฒน์ฯ ได้พิจารณาก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง
จะต้องดูกรอบนโยบายของรัฐบาลด้วย เพราะกรอบนี้ เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายรัฐบาล ดร.สุวิทย์ กล่าวยืนยันด้วยว่าโมเดลดังกล่าวจะเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจประเทศครั้งใหญ่
แต่ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่กำลังพิจารณาประกอบ ขณะนี้ทีมทำงานด้านเศรษฐกิจกำลังหารือกัน
สภาอุตฯเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ
นายประพัฒน์ โพธิวรคุณ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวเห็นด้วยกับการแบ่งกลุ่มธุรกิจตามบอสตันโมเดลของภาครัฐ เป็นเรื่องดีตามหลักทฤษฎีแต่มีรายละเอียดต้องพิจารณาให้รอบคอบ เช่น อุตสาหกรรมในกลุ่มที่ 3 ซึ่งมองว่าไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ต้องดูให้ลึกลงไปว่า แม้จะไม่มีความสามารถแข่งขันในระดับนานาชาติ แต่ในระดับภูมิภาคสามารถดำเนินธุรกิจได้ เช่น สินค้าโอท็อป ขณะที่ น้ำมันปาล์ม เป็นสินค้าที่ไทยไม่สามารถแข่งขันระดับชาติได้ แต่ผู้ผลิตรายใหญ่ 3 ราย คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ไทย มีจำนวนผลผลิต 97% ของโลก ไทยมีสัดส่วน 3%
เราจะทำอย่างไรกับพวกนี้จะทิ้งไปเลยหรือไม่ ต้องมองดูว่าอุตสาหกรรมนั้นเป็นอย่างไร สามารถหาพันธมิตรมาช่วยเหลือได้หรือไม่ เช่นอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียทุกวันนี้โดยมาเลเซียแย่งส่วนแบ่งไปเพราะที่ผ่านมาอินโดนีเซียมีปัญหาภายใน หากเราจับมือเป็นพันธมิตรกับอินโดนีเซียได้โอกาสของเราก็มี นายประพัฒน์กล่าว กลุ่มอุตสาหกรรมดาวรุ่งที่สามารถแข่งขันกับต่างชาติได้นั้นต้องเร่งผลักดันให้มากที่สุด ประธานสภาอุตสาหกรรม ฯ กล่าวอีกว่าขบวนการส่งเสริมอุตสาหกรรมภาครัฐจะอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องมีขบวนการส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอัตราแลกเปลี่ยน การค้นหาตลาดที่ใหญ่กว่า โดยเฉพาะ กลุ่มประเทศแอฟริกา แต่เราไม่ให้ความสำคัญ ธนาคารไม่ให้เครดิต เป็นโอกาสที่น่าเสียดาย สินค้ากองหน้าที่เป็นหัวหอกอย่าประมาท เพราะต้องเจอกับคู่แข่งอย่าง จีน เวียดนาม อินเดีย
หอการค้าหนุน Boston Model
ผมเห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ สภาหอการค้าก็พร้อมให้การสนับสนุน แต่การปรับต้องเชื่อมโยงกับ 2 ส่วน คือ FTA กรอบ WTO กับมาตรฐานการผลิต นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองเลขาธิการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าว นโยบายการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นไปตาม บอสตัน โมเดล ที่จัดธุรกิจออกเป็น 4 กลุ่ม คือกลุ่มดีที่สุด กลุ่มดีมาก กลุ่มดี และกลุ่มแย่ กลุ่มแย่เป็นกลุ่มที่ต้องยกเลิก เห็นด้วยกับโมเดลนี้ เพราะเป็นการตัดสินใจเพื่อเป้าหมายของธุรกิจ แต่มีข้อเสนอ 2 ส่วน คือ การพิจารณาจะต้องมีมาตรวัดชัดเจนว่า เป็นธุรกิจที่จะแข่งขันได้หรือไม่ การพิจารณาจะต้องนำเรื่องเขตเสรีการค้า และกรอบองค์กรการค้าโลก เพราะเป็นส่วนที่ต้องเชื่อมโยงกัน ที่ต้องการให้มอง FTA และ WTO เพราะเป็นส่วนเชื่อมโยงกับประสิทธิภาพของการแข่งขันอีก 15 ปี เราจะต้องลดภาษีเป็น 0 หรือไม่เกิน 5% เมื่อการนำเข้าลด การส่งออกก็ลดด้วย เมื่อภาษีลดธุรกิจบางตัวที่เราเคยแข่งไม่ได้ เพราะต้นทุนภาษีแพงก็กลายเป็นธุรกิจที่แข่งขันได้ โจทย์ในการพิจารณา ก็ตือต้นทุนกับมาตรฐาน และจะต้องมองยาวถึง 15 ปีด้วย นายพรศิลป์ กล่าว
รองเลขาธิการสภาหอการค้า ซึ่งดูแลการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า ธุรกิจบางตัวที่มองว่า แข่งไม่ได้ จะต้องมีมาตรการสนับสนุนชัดเจน บางธุรกิจอาจจะแข่งขันกับต่างประเทศไม่ได้ แต่อาจจะตอบสนองความต้องการของตลาดในประเทศได้ แต่หากแข่งขันไม่ได้จริงๆ ก็ต้องมีมาตรการชัดเจนว่าจะให้เขาไปทำอะไร ในเชิงธุรกิจ ธุรกิจไหนที่แข่งไม่ได้ โดยตัวของมันเอง ก็มีการเลิกไปทำธุรกิจอื่นอยู่แล้ว แต่เป็นระดับของธุรกิจ แต่นี่เป็นระดับรัฐบาลมาตรการช่วยเหลือจะต้องชัดเจนธุรกิจบางตัวที่เป็น OEM ก็ต้องคุยกันว่า จะมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีกันอย่างไรได้บ้าง แต่การจะยกเลิกคงไม่ได้ เพราะต่างชาติเป็นคนลงทุน เราจะต้องมีแผนชัดเจนว่าจะทำอย่างไรหากมีการย้ายฐานการผลิตออกไป เพราะหากไม่เตรียมตัว หากเขาหนีไปก็เป็นปัญหา ต้องดูว่า เราจะพัฒนาอย่างไรไม่เช่นนั้น เราก็วิ่งตามเขาตลอด
ผมเห็นด้วยกับกรอบนโยบาย แต่รายละเอียดจะต้องมีมาตรวัดที่ชัดเจนในการกำหนด สภาหอฯ ยินดีให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูล หรือการบอกกับสมาชิกที่ได้รับผลกระทบ แต่คิดว่าการปรับโครงสร้างต้องใช้เวลา 4 ปี รัฐบาลน่าจะทำได้สำเร็จ เพราะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวที่ตัดสินใจได้ทั้งหมด หากรัฐบาลนี้ทำไม่ได้ ก็คงไม่มีรัฐบาลไหนทำได้แล้ว นายพรศิลป์กล่าว
พัฒนาคน เพิ่มขีดการแข่งขัน
ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) แสดงความเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องพัฒนาเรื่องคนในประเทศให้มีความรู้ ความสามารถและความเชี่ยวชาญทั้งในระดับที่เป็นผู้ปฏิบัติงาน และกลุ่มผู้บริหารไปพร้อมๆ กัน ทุกอุตสาหกรรมเริ่มมีปัญหาการขาดแคลนบุคลากรที่เป็นผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารระดับกลางจนถึงผู้บริหารระดับสูง การพัฒนาคนเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา และเป็นเรื่องที่ท้าทาย การขาดแคลนผู้บริหารระดับกลาง และระดับปฏิบัติที่มีความรู้ความสามารถส่งผลให้ธุรกิจมีต้นทุนเพิ่มสูงมากขึ้น เพราะต้องมีการว่าจ้างหรือให้ผลตอบแทนสูงขึ้น หากให้มากๆ ก็จะทำให้ความสามารถในการทำกำไรลดลง หากไม่มีการแก้ไขก็อาจจะเป็นจุดเปราะหรือจุดเสี่ยงของผู้ประกอบการ ทางแก้ส่วนหนึ่งคือต้องมีการสร้างมูลค่าเพิ่ม หากธุรกิจหรืออุตสาหกรรมรายใดไม่สามารถสร้างได้หรือไม่มีข้อแตกต่างจากคู่แข่งขันก็ไม่สามารถดำเนินธุรกิจในระยะยาวได้ รัฐบาลจำเป็นที่จะต้องพยายามสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการรายย่อยหรือกลุ่มที่พึ่งเริ่มประกอบธุรกิจ เพื่อให้สามารถมีความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออกจะต้องสามารถให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ สามารถให้ข้อมูลหรือบริการต่างๆ แก่ผู้ส่งออก เช่น การจัดทำระบบบัญชี จัดหาข้อมูลทางการตลาด จัดระบบผู้ดูแลในเบื้องต้นหรือพี่เลี้ยงให้กับผู้ประกอบการ อำนวยความสะดวกในเรื่องการจดทะเบียนชื่อสินค้า เป็นต้น
แนวทางการสร้างคลัสเตอร์ เป็นแนวทางที่ถูกต้องในการพัฒนาธุรกิจรายย่อยให้เติบโตเป็นธุรกิจขนาดกลางได้ ควรที่จะมีการจัดตั้งบริษัทกลาง Trading Company ทำหน้าเป็นตัวแทนหรือคนกลางให้ผู้ประกอบการในการทำธุรกิจกับต่างประเทศ ป้องกันไม่ให้มีการตัดราคากันเองในระหว่างผู้ประกอบการ ญี่ปุ่นและอิตาลีก็มีการจัดตั้งบริษัทรูปแบบดังกล่าว เมื่อธุรกิจขนาดกลางเข้มแข็งแล้วก็จะต้องมีการผลักดันให้เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่สามารถระดมทุนได้ด้วยตนเองหรือในตลาดหลักทรัพย์ การพัฒนาจากธุรกิจขนาดกลางให้เป็นธุรกิจขนาดใหญ่ต้องใช้ระยะเวลา แต่หากการพัฒนาไม่ประสบความสำเร็จก็ต้องปล่อยให้ธุรกิจล้มหายไป หรือปั้นธุรกิจใหม่ ที่สำคัญจะต้องมีการปรับเปลี่ยนนิสัยคนไทยให้มีนิสัยเป็นผู้ประกอบการเพิ่มมากขึ้น การที่จะเลิกสนับสนุนกลุ่มธุรกิจที่ไม่มีความสามารถในการแข่งขันนั้น เป็นเรื่องปกติ เหมือนกับไปหาหมอ หมอบอกว่าช่วยได้หรือช่วยไม่ได้เพราะเงินหรือทรัพยากรมันมีจำกัด ถ้าจะไปทุ่มกับคนที่ไม่มีอนาคตก็แค่ทำให้ตายช้าลง
แก้หนี้ภาคครัวเรือน
รัฐบาลจะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหาหนี้สินในภาคครัวเรือนให้สำเร็จ เพราะจะกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ประชาชนเกิดการพอกพูนหนี้ ทำให้ความสามารถในการชำระหนี้ของประชาชนลดลง ส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงสถาบันการเงินและอาจต้องนำภาษีของประชาชนมาแก้ปัญหา การจัดตั้งเงินกองทุนหมู่บ้านเป็นส่วนหนึ่งของการเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินให้กับประชาชน มีการนำเงินกองทุนหมู่บ้านไปใช้ในกิจการอย่างอื่นที่อาจจะเกิดความสูญเสียไปบ้างนั้นเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่จะทำอย่างไรที่จะให้ประชาชนที่นำเงินกองทุนหมู่บ้านไปใช้เพื่อให้เกิดรายได้หรือการลงทุนในการทำธุรกิจมากกว่า
จัดกลุ่มธุรกิจใช้ภาษีหนุน
นายวิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล รองกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนิตี้ จำกัด มีความเห็นว่าจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เชื่อมโยงในเรื่องการดำเนินงานกับเรื่องผลรายได้หรือผลกำไรเข้าด้วยกันภายใต้การดัชนีวัดผลการดำเนินงาน มีการลดต้นทุนในการดำเนินงาน รัฐบาลต้องมีการคัดกรองอุตสาหกรรมแต่ละสาขาและลงรายละเอียดลงไปในถึงกลุ่มธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมรายสาขาที่มีความสามารถในการแข่งในระดับต่าง ๆ ให้ชัดเจน เพื่อให้ความช่วยเหลือในระดับต่าง ๆ ตามความเหมาะสม อาจทำผ่านระบบภาษีเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อ รองรับกับการทำข้อตกลงเปิดเสรีทางการค้าที่จะเกิดขึ้น กลุ่มที่ไม่สามารถแข่งขันได้แล้วก็อาจจะต้องปล่อยให้หายไปจากระบบ ธนาคารพาณิชย์ยังจำเป็นที่จะต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ธนาคารของรัฐยังมีจำนวนอยู่มากเกินไปอาจจะต้องมีการปรับลดลงบ้าง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข็งขัน ขนาดของเศรษฐกิจของประเทศไม่จำเป็นที่จะต้องมีการสถาบันการเงินจำนวนมาก
นายวิจิตร ณ ระนอง ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องการให้รัฐบาลผลักดันคุณภาพของแหล่งท่องเที่ยวและบริการให้มีคุณภาพสูง โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SME ที่มีอยู่ประมาณ 80% เรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งที่พัก ยานพาหนะ สถานที่ท่องเที่ยวไม่มีมาตรฐานกำหนดชัดเจน โดยเฉพาะตัวบุคลากรที่คาดหวังได้ไม่ถึง 100% การบริหารจัดการภาครัฐ ระหว่างองค์กรท้องถิ่น กับรัฐบาลกลาง ยังไม่มีองค์ความรู้แท้จริง แม้ว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะสร้างรายได้เข้าประเทศประมาณ 3 แสนล้านบาทในปี 2547 จากจำนวนนักท่องเที่ยว 12 ล้านคน ผู้ประกอบการรายย่อยส่วนใหญ่ยังขาดมาตรฐาน ผู้ประกอบการายย่อยยังขาดความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพตัวสินค้า การทำตลาด ไม่สามารถสร้างตราสินค้า โฆษณาในตลาดโลก การบริหารจัดการองค์กรไม่มีประสิทธิภาพและยังใช้ราคาเป็นตัวตั้ง อยากให้ภาครัฐเข้ามาสนับสนุนในส่วนที่ขาดต่างๆ เหล่านี้ นายวิจิตรกล่าว
นักวิชาการยึดแนวโปร่งใส
ดร.สมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเศรษฐกิจมหภาค สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ ทีดีอาร์ไอ แสดงความเห็นว่าการเลือกธุรกิจส่งเสริมเป็นดาบสองคม เพราะการไปเลือกว่าเป็นธุรกิจที่แข่งขันได้ หรือแข่งขันไม่ได้แล้วให้น้ำหนักต่างกัน รัฐบาลจะมั่นใจได้อย่างไรว่าได้เลือกถูกต้อง ควรจะให้การส่งเสริมอย่างเสมอหน้า สิงคโปร์ก็ใช้วิธีดังกล่าว ทำให้ประสบความสำเร็จด้วยการเลือกธุรกิจภาคการเมืองจะต้องมีความโปร่งใสเพียงพอ ไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองมีเสถียรภาพ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ รัฐบาลได้ยึดเอาแบบอย่างของประเทศเกาหลีใต้ที่เน้นวิสัยทัศน์เป็นประเทศที่โดดเด่นด้านซอฟต์แวร์ ทุ่มน้ำหนักการส่งเสริมเรื่องซอฟต์แวร์ ก่อนขยับมาสู่ฮาร์ดแวร์ ประสบความสำเร็จด้วยดี หากเทียบทั่วโลกประเทศที่มีปรับโครงสร้างเศรษฐกิจด้วยการแบ่งประเภทจะสำเร็จน้อยกว่าประเทศที่ส่งเสริมเปิดกว้าง รศ.ดร.วรพล โสคติยานุรักษ์อาจารย์ประจำคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์แสดงความเห็นว่า ต้องมีการปรับโครงสร้างในเรื่องหลักคือ 1. การปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม 2. การปรับโครงสร้างภาคการเกษตร 3. การปรับโครงสร้างเทคโนโลยีของประเทศ 4. การปรับโครงสร้างด้านการศึกษา โดยเฉพาะการศึกษาในระบบ 5. การปรับโครงสร้างด้านการเงินการคลัง 6. การปรับโครงสร้างระบบสาธารณูปโภค 7. การปรับโครงสร้างต้นทุนการขนส่งประเทศ การปรับโครงสร้างภาคอุตสาหกรรม ได้เคยศึกษาให้กระทรวงอุตสาหกรรมแต่เมื่อศึกษาเสร็จ ผลการศึกษาก็ถูกปล่อยทิ้งไม่ได้รับการใส่ใจ เห็นด้วยกับการลงทุนด้านการขนส่ง และระบบสาธารณูปโภคของรัฐบาลแต่ไม่อยากให้ก่อสร้างเฉพาะในเขตพื้นที่เมืองหลวง ควรต่อเชื่อมด้วยระบบรถไฟความเร็วสูงไปยังต่างจังหวัดหลัก ภาคตะวันออก ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคเหนือ เพื่อให้การเดินทางและการขนส่งมีความสะดวกขึ้น รศ.ดร.สมภพ มานะรังสรรค์ อาจารย์ประจำคณะ เศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เห็นว่านโยบายต้องมีรูปธรรมที่ชัดเจน คำนึงถึงส่วนอื่นๆ ทั้งภาคการเงินตลาดเงินตลาดทุน ภาคการบริหารจัดการลอจิสติกส์ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการบันเทิง จะปรับตัวอย่างไร ต้องตั้งโจทย์ชัดเจนให้สามารถพัฒนาขีดความสามารถว่า อย่างไหนที่แข่งขันได้และอย่างไหนที่แข่งขันไม่ได้ เห็นด้วยกับรัฐบาลแต่ต้องมีความชัดเจนและคำนึงถึงส่วนอื่นประกอบ จะปรับและผลักดันอะไรต้องตั้งโจทย์ให้ผู้ประกอบการพัฒนาขีดความสามารถ กลุ่มที่ไปไม่ไหวต้องมีแผนรองรับ รัฐบาลต้องสร้างทางเลือกและเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจอุตสาหกรรมดาวรุ่ง การสนับสนุนต้องไม่ลูบหน้าปะจมูก หลายโครงการต้องทบทวนให้ดี ระบบต่างๆต้องยกมาสังคายนา อุตสาหกรรมใดดีก็สานต่อ ที่มีจุดอ่อนต้องเปลี่ยนแปลง ภาครัฐก็ต้องเปลี่ยนแปลง วิเคราะห์ด้วยการเงินที่มีอยู่ โครงการขนาดใหญ่ที่กำลังจะถูกผลักดันให้เกิดขึ้นต้องดูความเป็นไปได้ของโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อภาคภาคธุรกิจการเงิน จะนำงบประมาณส่วนไหนมาลงทุน ถ้าต้องใช้วิธีการกู้มาลงทุน เป็นห่วงว่าจะทำให้ดอกเบี้ยมีอัตราสูงขึ้น